ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก
โดยกีฬาที่เรียบง่ายแต่ตื่นเต้นเร้าใจนี้ทรงเสน่ห์มานานนับร้อยปี
ซึ่งเกิดมาจากลีลาที่พลิ้วไหวของเหล่านักเตะ
จึงทำให้ความนิยมของกีฬาฟุตบอลส่งผลต่อความนิยมในตัวนักกีฬาด้วยเช่นกัน
ซึ่งในปี 2013 นับว่าเป็นปีที่ต้องจดจำของบรรดาแฟนฟุตบอลหลาย ๆ คน
เมื่อเหล่าซูเปอร์สตาร์ต่างพากันแขวนสตั๊ดด้วยวัยที่ร่วงโรยตามกาลเวลา
ไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, เจมี่ คาร์ราเกอร์
รวมไปถึงยอดกุนซือแห่งปิศาจแดงอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ซึ่งชื่อทั้งหมดนั้น
เป็นที่จดจำของแฟนบอลมากมายในฐานะผู้สร้างสีสันให้กับวงการลูกหนัง
และส่งต่อแรงบันดาลใจไปสู่คนรุ่นใหม่ให้เจริญรอยตามต่อไป
ดังนั้นในวันนี้ผมมีเรื่องราวของ 10
สุดยอดนักเตะฝีเท้าขั้นเทพที่สร้างความประทับใจให้แก่แฟนบอลทั่วโลกทั้งที่
อำลาวงการแล้ว และยังคงโลดแล่นอยู่ในสนามมานำเสนอให้คอบอลได้หวนรำลึกถึงกันครับ
ไม่มีใครไม่รู้จัก เปเล่ ยอดนักฟุตบอลชาวบราซิลเบอร์ 10
เปเล่มีชื่อจริงว่า เอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู (Edson Arantes Do
Nascimento) มีฉายาที่ยิ่งใหญ่อย่าง O Rei ที่แปลว่า
ราชาแห่งฟุตบอลและไข่มุกดำ แห่งทีมชาติบราซิล
เปเล่ เริ่มต้นเข้าสู่วงการฟุตบอลจริงจังเมื่ออายุ 11 ปี
โดยอยู่ทีมฟุตบอลสมัครเล่น เมื่ออายุ 15
ปีจึงได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของซานโตส เอฟซียอดสโมสรในบราซิล และเมื่ออายุ 17
ปี เปเล่ ติดทีมชาติและเข้าแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในปี 1958
โดยหลังจากนั้นเขาก็พาบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกอีก 3 ครั้ง
ยิงประตูทั้งหมดกว่า 1,282 ลูกจากการลงเล่น 1,363 นัด
พร้อมทั้งทำแฮตทริกมากที่สุดในโลกถึง 92 ครั้ง
และเป็นผู้เล่นที่มีลีลาพลิ้วไหวจนกลายเป็นภาพที่ติดตาตรึงใจแฟนบอลไปตลอด
กาล ถึงแม้ตอนนี้เราจะทำได้เพียงกลับไปดูภาพในอดีต
แต่ปัจจุบันเขาก็ยังทำงานการกุศลเกี่ยวกับฟุตบอลอีกมากมาย
ไข่มุกดำคนนี้จึงถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของวงการฟุตบอลในรอบร้อยปีเลยที
เดียว
เสือเตี้ยผู้ยิ่งใหญ่ชาวอาร์เจนตินา
ผู้มีลีลาการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าซ้ายอันยอดเยี่ยม
และลีลายียวนกวนประสาทที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการนำทีมชาติอาร์เจนตินา
คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้วในปี 1986
มาราโดน่าเริ่มต้นวงการฟุตบอลอาชีพเมื่ออายุ 15
และเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่ออายุ 17 แต่ยังไม่ได้แชมป์ในทันทีในปี
1982 หลังจากนั้น มาราโดน่าก็ย้ายจากสโมสรโบคา จูเนียร์ สู่ บาร์เซโลนา
ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสูงสุดในตอนนั้นจำนวน 5 ล้านปอนด์
อีกทั้งยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ต่าง ๆ มากมาย ก่อนจะย้ายไปสโมสรนาโปลี
ในลีคอิตาลีด้วยค่าตัวที่สร้างสถิติใหม่อีกครั้งที่ 6.7 ล้านปอนด์
หลังจากนั้น มาราโดน่าก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและความเครียด
จนต้องระเห็จออกจากสโมสรไป ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่ที่โบคา จูเนียร์
สำหรับผลงานกับทีมชาตินั้นยิ่งใหญ่และอื้อฉาวพอกัน
ซึ่งเหตุการณ์ที่เป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดคือ ตอนฟุตบอลโลกปี 1986
ที่มาราโดน่าเป็นกัปตันทีม
เขาพาลูกทีมไปถึงรอบสุดท้ายและทำประตูแรกด้วยมือในแมทช์ที่ปะทะกับทีมชาติ
อังกฤษ จนเป็นที่มาของฉายา “Hand of God” และยังเป็นผู้ย้ำชัยลูกที่ 2
ด้วยตัวเองจากการครองบอลกว่าครึ่งสนามก่อนจะหลอกผู้รักษาประตูจนหัวทิ่มแล้ว
ซัดตุงตาข่าย
โดยผลงานชิ้นนี้ถูกเลือกให้เป็นการปิดสกอร์ที่ดีที่สุดในโลกเมื่อปี 2002
มาราโดน่า ลาวงการด้วยปัญหายาเสพติดในปลายยุค 90
การใช้ชีวิตแบบร็อคสตาร์มากกว่านักกีฬาไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีเท่าไรนัก
แต่ด้วยเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าเยี่ยมและรางวัลการันตีมากมาย
ฟีฟ่าจึงเลือกให้เป็นผู้เล่นแห่งศตวรรษที่ 20
เคียงคู่กับราชาลูกหนังอย่างเปเล่ ปัจจุบัน มาราโดน่า
ยังคงทำงานในวงการฟุตบอลในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งล่าสุดคือสโมสร อัล วาสล์
ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต
ยอดนักฟุตบอลชาวเยอรมันผู้ได้รับฉายาว่า “จักรพรรดิ”
ด้วยลีลาการเล่นฟุตบอลที่เป็นพื้นฐานให้นักฟุตบอลรุ่นใหม่
เบ็คเคนบาวเออร์เป็นนักฟุตบอลที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง
แต่เป็นที่จดจำในตำแหน่งสวีปเปอร์หรือตัวตัดเกม
และสามารถนำพาทีมชาติเยอรมันตะวันตกเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกทั้งในฐานะกัปตันทีม
เมื่อปี 1974 และในฐานะผู้จัดการทีมเมื่อปี 1990 และได้ถ้วยสโมสรยุโรปถึง 3
ครั้งกับบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งยังไม่มีใครทำได้จนถึงปัจจุบัน
ในปี 1999
ที่มีการเลือกนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษเบ็คเคนบาวเออร์ ได้อันดับ
3 ไปครองเป็นรองแค่ เปเล่ และ โยฮัน ครัฟฟ ทั้งนี้
ในปัจจุบันเขาทำงานเป็นกูรูในวงการฟุตบอลประจำรายการโทรทัศน์เยอรมัน
บรรณาธิการเขียนคอลัมน์ฟุตบอล
และยังเป็นผู้มีส่วนผลักดันให้ประเทศเยอรมันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอล
โลกเมื่อปี 2006 ด้วย
เมสซี่
ถือเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกที่ปัจจุบันยังคงโลดแล่นอยู่ในสนามฟุตบอล
โดยความสำเร็จของเมสซี่ นั้นเทียบได้กับเปเล่และมาราโดน่าในยุคนั้น
ด้วยถ้วยรางวัลมากมายในระดับสโมสรและระดับทวีป
เหลือก็แต่เพียงฟุตบอลโลกเท่านััน
หนทางชีวิตนักฟุตบอลของเมสซีนั้นถือเป็นระดับฟ้าประทานเลยทีเดียว
เขาเติบโตและฝึกหัดฟุตบอลในอาร์เจนตินา
แต่ด้วยความผิดปกติทางร่างกายทำให้เขาสูงเพียง 140 ซม. ขณะอายุ 13 ปี
ซึ่งแพทย์แนะนำให้ฉีดฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต
ทว่ากลับต้องแลกกับค่าใช้จ่ายสูงถึงเดือนละ 30,000 บาท
ทำให้พ่อของเขาถึงกับต้องถอดใจ แต่ท้ายที่สุดโชคก็เข้าข้าง
เมื่อสโมสรบาร์เซโลนาเห็นแววของเด็กคนนี้
จึงขอให้รับการฝึกฝนกับทางสโมสรและพร้อมจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้
ซึ่งผลการรักษาทำให้เขาสูงขึ้นเป็น 170 ซม.
สโมสรบาร์เซโลนาได้สร้างสุดยอดนักฟุตบอลของโลกขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
โดยเมสซี่เป็นได้ทั้งจอมพิฆาตประตู เพลย์เมคเกอร์เปิดเกมรุก
รวมทั้งเป็นจอมตัดเกมในยามจำเป็น แถมสามารถทำเกมอย่างรวดเร็วได้ด้วยตัวเอง
แต่จุดบอดของเขาคือการเล่นลูกโด่ง
ซึ่งเป็นข้อจำกัดในเรื่องของส่วนสูงของเขานั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะเมสซี่ยิงให้บาเซโลนาแล้วกว่า 200 ประตู คว้าแชมป์สโมสรยุโรป 3 ครั้ง
แชมป์ลาลีกา 5 ครั้ง ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมบัลลงดอร์ถึง 4
ครั้งติดต่อกัน ตรงข้ามกับผลงานทีมชาติที่ทำได้เพียง 19 ประตูจากการลงเล่น
66 นัด และยังไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันรายการใหญ่ ๆ
ในนามทีมชาติได้เลย ซึ่งเราคงต้องติดตามผลงานของเขากันต่อไป
โยฮัน ครัฟฟ์ ยอดนักเตะแห่งทีมอัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์
ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่มีลีลาการเล่นสง่างามที่สุดจนได้ฉายาว่า
"นักเตะเทวดา" ครัฟฟ์เกิดในเมืองอัมสเตอร์ดัม
โดยบ้านเกิดของเขาอยู่ห่างจากสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่าง อาแจ็กซ์
เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งพ่อแม่ของเขาต่างก็ทำงานในสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ด้วย
ทั้งนี้ ครัฟฟ์ เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี
กับสโมสรอาแจ็กซ์ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นสโมสรกึ่งอาชีพอยู่ จนกระทั่ง 2
ปีต่อมาอาแจ็กซ์กลายเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโลก
และด้วยลีลาการเล่นที่รวดเร็วและสร้างสรรค์ ที่เรียกกันว่า “Total
Football” ของเขา ทำให้ครัฟฟ์เป็นหัวใจหลักของทีมได้เสมอมา จนหลาย ๆ
ครั้งที่การเล่นของเขานำมาซึ่งชัยชนะให้กับทางอาแจ็กซ์
และทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้หลายครั้งหลายครา
ผลงานในสนามของโยฮัน ครัฟฟ์
เองก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแฟนบอลทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัด
โดยเขานำอาแจ็กซ์คว้าชัยด้วยผลงานการทำประตู 25 ลูก ใน 23 นัด
คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุ 18 ปี
หลังจากนั้นก็พาสโมสรคว้าแชมป์ยุโรป และพาทีมชาติคว้าแชมป์ยุโรปด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม
ครัฟฟ์ไม่เคยพาอัศวินสีส้มสัมผัสกับความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลโลกได้เลย
สักครั้ง
โดยครั้งที่ใกล้เคียงที่สุดก็ทำได้เพียงแค่เข้าชิงกับทีมชาติเยอรมันตะวันตก
ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดายที่สกอร์ 2-1
หลังจากบอกลาการโลดแล่นในสนาม โยฮัน ครัฟฟ์ ผันตัวเป็นผู้จัดการทีม
เคยบริหารทีมชั้นนำอย่าง อาแจ็กซ์ และบาร์เซโลนา
ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมดูแล คาตาโลเนีย สโมสรฟุตบอลในสเปน
ยอดนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสผู้พกพาเทคนิคแพรวพราวพลิ้วไหวที่สุดคนหนึ่งของ
โลกลูกหนัง เพียบพร้อมทั้งทักษะการครองบอล การทำประตู การเปิดเกมรุก
ถือเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติฝรั่งเศสในยุคนั้น
ซีดาน
เกิดในครอบครัวอพยพชาวแอลจีเรียมุสลิม เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพเมื่ออายุ 17 ปี
ติดทีมชาติครั้งแรกเมื่ออายุ 22 ปี หลังจากนั้น 2 ปี
ซีดานได้โอกาสย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุส จนคว้าแชมป์ลีกอิตาลีมาครองได้สำเร็จ
นอกจากนี้ช่วงจุดพีคของซีดานเกิดขึ้นเมื่อตอนฟุตบอลโลกปี 1998
ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยสามารถโหม่งประตูย้ำชัยชนะบราซิลไปในสกอร์ 3-0
และได้รับรางวัลบัลลงดอร์ในปีนั้น
ถัดมาไม่นานยังพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ยูโรปี 2000 ได้อีก
ด้วยผลงานการเล่นที่สุดยอดขนาดนี้ทำให้รีล มาดริด
ทุ่มเงินซื้อตัวซีดานจากยูเวนตุสด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในขณะนั้นด้วยจำนวน
60 ล้านปอนด์ และแม้ค่าตัวจะแพงมหาศาลแต่คุ้มค่าทุกเม็ด
เพราะเขาตอบแทนสโมสรด้วยการพาทีมราชันชุดขาวคว้าถ้วยแชมป์เปี้ยนลีคด้วยลูก
วอลเลย์สุดสวย แต่หลังจากนั้นในปี 2006
ซีดานก็ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการหลังจากเกิดเหตุหัวโขก
มาเตรัซซี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปีนั้น
จนมีผลทำให้ทีมพ่ายแพ้
ซึ่งเป็นการปิดฉากเส้นทางในวงการลูกหนังที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่
ยอดนายทวารชาวสหภาพโซเวียต หรือรัสเซียในปัจจุบัน
โดยยาชินเป็นส่วนสำคัญของทีมชาติและสโมสรดินาโม มอสโก
มีส่วนช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการเสียประตูจนได้รับชัยชนะ
ทั้งนี้ เลฟ ยาชิน เริ่มต้นอาชีพกับสโมสรดินาโม มอสโก หลังจากนั้น 4 ปี
เขาได้รับคัดเลือกให้เล่นในทีมชาติชุดใหญ่ และคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปี
1956 นอกจากนี้ยังเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกทั้งหมด 3 ครั้ง
และได้รับรางวัลบัลลงดอร์
ซึ่งนับว่าเป็นผู้รักษาประตูคนเดียวที่ได้รางวัลนี้ไปครองในประวัติศาสตร์วง
การฟุตบอล
อย่างไรก็ตาม ยาชิน เสียชีวิตในปี 1990
ขณะผ่าตัดขา โดย เลฟ ยาชิน ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลหลาย ๆ คน
ในฐานะผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่และนักกีฬาที่ทุ่มเทอีกด้วย
ยูเซบิโอ ยอดนักเตะเจ้าของฉายา "ไอ้เสือดำแห่งโมซัมบิค"
เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในบ้านเกิดตัวเอง เมื่ออายุ 15 ปี
เขาได้รับการทาบทามจากยูเวนตุส แต่ถูกแม่ห้ามไว้ ต่อมาเมื่ออายุ 18 ปี
ยูเซบิโอได้เริ่มต้นค้าแข้งต่างแดนกับสโมสรเบนฟิก้า ทีมดังในลีคโปรตุเกส
และเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยนัดแรกที่ลงสนามเขาก็ซัดแฮตทริกได้
ทันที หลังจากนั้น 1 ปีเขาก็ได้รับรางวัลบัลลงดอร์
และรองเท้าทองคำไปครอบครอง
นอกจากนี้ยังมีสถิติสวยหรูด้วยการลงสนามให้เบนฟิกา 301 นัด ยิงได้ 317
ประตู ทั้งนี้ ปัจจุบันเขาเป็นกรรมการด้านเทคนิคให้กับทีมชาติโปรตุเกส
นักฟุตบอลชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกที่มิวนิค เยอรมัน
เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
เป็นกองกลางที่มีสัญชาตญาณการทำประตูที่ดีเยี่ยมและการเปิดเกมรุกที่เป็นยอด
และยังขึ้นชื่อเรื่องความอึดในการเล่น วิ่งแรงดีไม่มีตกตลอด 90
นาทีอีกด้วย
เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
เป็นนักฟุตบอลที่กวาดรางวัลส่วนตัวและกับสโมสรมามากมาย
โดยเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
และเกือบทำสถิติคว้าดับเบิลแชมป์ได้ หากไม่แพ้โบลตันในถ้วย เอฟเอ คัพในปี
1957 และยังมีโอกาสพาทีมคว้าแชมป์ต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้
เขายังลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมากที่สุดถึง 606 นัดและยิงได้ 199
ประตู
ทางด้านผลงานในทีมชาติ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
ผิดหวังกับฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1962
ที่ทีมต้องตกรอบด้วยการพ่ายให้กับบราซิล
แต่หลังจากนั้นก็อังกฤษก็มีโอกาสชูถ้วยฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก และครั้งเดียว
ในปี 1966 พร้อมทั้งได้บัลลงดอร์ในปีเดียวกัน
ปัจจุบัน เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สแตนลี่ย์ แมทธิวส์ ถือเป็นนักเตะที่เล่นฟุตบอลอาชีพยาวนานที่สุดถึง 33
ปีก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ด
โดยปีกขวามหัศจรรย์ผู้นี้ป่วนกองหลังด้วยความเร็วจนเป็นเอกลักษณ์และได้รับ
ฉายาพ่อมดแห่งการครองบอล
แมทธิวส์ เริ่มเล่นอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี กับสโมสร สโต๊ค ซิตี้
และเขาสามารถพาทีมขึ้นชั้นสู่ลีกที่สูงกว่าได้เป็นผลสำเร็จ
หลังจากนั้นแบล็ค พูลก็ซื้อตัวไป
ซึ่งในที่สุดเขาก็นำทีมคว้าถ้วยเอฟเอคัพไปครอง
ก่อนที่จะย้ายกลับมาช่วยกู้สถานการณ์อันย่ำแย่ของ สโต๊ค ซิตี้
จนกลับมายืนในลีคสูงสุดได้อีกครั้ง
ในขณะที่ฟอร์มการเล่นให้กับทีมชาติไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก และไม่ได้รางวัลใด ๆ
มาประดับเกียรติยศส่วนตัว แต่ฝีเท้าของเขายังคงเป็นที่ยำเกรง
ด้วยการไล่ถล่มอิตาลีถึง 4 ประตู ก่อนประกาศเลิกเล่นทีมชาติขณะอายุได้ 43
ปี
ปัจจุบัน สแตนลี่ย์ แมทธิวส์ เสียชีวิตแล้วในปี 2000
ด้วยวัย 85 ปี แต่ผลงานต่าง ๆ
ของเขาก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไปอีกตราบนานเท่านาน
ยอดนักฟุตบอลเหล่านี้
ต่างสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเองไว้อย่างน่าชื่นชม ด้วยการผ่านอุปสรรคต่าง ๆ
ทุ่มเทฝึกฝน เพียรพยายาม จนประสบความสำเร็จในอาชีพของตน
และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลกได้
ซึ่งเราจะจดจำนักฟุตบอลในตำนานเหล่านี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น